KUBET สปอยหนังต่อจาก Childhood’s End [Part1] เรื่องราวของเอเลี่ยนที่บุกโลกอย่างสันติและสร้างความสุขให้คนทั่วโลก แรกๆเหมือนจะดี แต่สุดท้ายก็ทำคนดูอกหักเมื่อสร้างเรื่องโหดร้ายไว้จนไม่อาจหวนคืน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร สายสปอยตามไปรับชมต่อกันเลย!
ความจริงของโลกมนุษย์
คาเรลเรนกลับมาหาริกกี้อีกครั้ง คราวนี้เขานำอุปกรณ์ที่ช่วยให้ริกกี้หายจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และทำให้เขาได้รับรู้ความจริงว่า โอเวอร์ลอร์ดตั้งใจให้เขาเป็นหมันเพื่อจะได้ไม่เจ็บปวดกับอนาคตที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีลูก และยังบอกอีกว่าคาเรลเรนไม่สามารถช่วยหยุดยั้งเหตุการณ์ที่กำหนดไว้แล้วได้ จุดจบของมนุษย์ใกล้เข้ามาทุกที เขาเป็นเพียงข้ารับใช้เทพเจ้า
ขณะที่คาเรลเรนกำลังเล่าเรื่อง จู่ๆ สาวคนหนึ่งที่บุกเข้ามารับฟังพร้อมกับริกกี้ เธอก็ยิงปืนใส่คาเรลเรนจนเขาล้มลงและขณะที่กำลังจะตาย คาเรลเรนบอกกับริกกี้ว่าเขาเพียงแค่อยากช่วยสหายของเขาเท่านั้น เพราะริกกี้ช่วยเขาเจรจากับมนุษย์มาแสนนาน และนั่นทำให้ริกกี้นำอุปกรณ์รักษามาช่วยชีวิตคาเรลเรนแทนตัวเอง คาเรลเรนฟื้นคืนชีพยืนได้อีกครั้ง ก่อนจากไป เขายังบอกทุกคนไว้ว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมได้
การกำเนิดของเด็กทารก
ครอบครัวของเอมี่และเจค ได้คลอดเจนนิเฟอร์ออกมาอย่างปลอดภัย แต่หารู้ไม่ว่าเด็กทารกมีดวงตาสีเขียวเรืองแสงอันน่าสยดสยอง
จากนั้นวันเวลาผ่านไป 4 ปีจนเด็กสาวเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันไมโลก็สร้างแล็บของตนเองขึ้นมา และได้ศึกษาเกี่ยวกับเด็ก ทำให้รับรู้ว่าเด็กที่เกิดขึ้นมานี้มีพลังจิตทุกคน แถมเด็ก 3 ขวบบางคนพูดได้สามภาษา บางคนยกรถได้ด้วย
จากนั้นไม่นาน จู่ๆ เด็กทุกคนบนโลกก็เริ่มยกมือขึ้นไปบนฟ้าและสื่อสารโทรจิตถึงกันได้ โดยพูดชื่อเดียวกันซ้ำๆว่า “เจนนิเฟอร์” ไมโลเริ่มประติดประต่อสถานการณ์เกี่ยวกับเด็กๆและค้นพบว่าเจนนิเฟอร์คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
ทางด้านครอบครัวเจคกับเอมี่ก็ช็อกอีกครั้ง เมื่อเด็กหลายสิบคนมาล้อมรอเจนนิเฟอร์อยู่หน้าบ้าน จากนั้นทอมมี่ ลูกชายของเขาที่มีพลังจิตเหมือนกันก็พูดขึ้นว่าเจนนิเฟอร์พาเด็กๆทุกคนไปเห็นพื้นที่อันแสนไกล มันคือโลกใหม่ ที่แม้แต่โอเวอร์ลอร์ดก็ไปด้วยไม่ได้ เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาจึงพาเด็กๆหนีไปเกาะแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่เหมือนเดิมทุกอย่างก่อนโอเวอร์ลอร์ดจะมา ซึ่งแม้แต่สถานที่นี้ เด็กๆก็ยังได้ยินเสียงของโอเวอร์มายด์ นายเหนือหัวของโอเวอร์ลอร์ด
กลับกันในฝั่งของไมโล ติดต่อครอบครัวของเจคเพื่อจะคุยกับเจนนิเฟอร์ แต่ก็ต้องช็อกไป เมื่อเจนนิเฟอร์บอกว่าจุดจบใกล้มาถึงแล้ว เธอทำให้เขาเห็นภาพลำแสงสีขาวและโลกที่ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ
ไมโลรีบไปหาเรเชลที่แล็บ และบอกเหตุการณ์ทั้งหมดว่าโลกกำลังอันตราย เขาจึงจำเป็นต้องไปโลกของโอเวอร์ลอร์ดเพื่อให้เห็นกับตาว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่ และได้ขอร้องเรเชลว่าให้แอบพาเขาเข้ายานของพวกมัน
ก่อนจากกันไมโลได้มอบจี้ห้อยคอที่เป็นสัญลักษณ์อียิปโบราณแปลว่า ‘รัก’ ให้กับเรเชล และเขาสาบานว่าจะกลับมาหาเธอแน่นอน ซึ่งเรเชลก็สาบานว่าจะรอเช่นกัน และแล้วไมโลก็ได้แอบขึ้นยานอวกาศสำเร็จ
( ติดตามสปอยหนัง ภาพยนตร์ อนิเมะและวงการบันเทิงใต้เตียงดาราได้ที่ KUBET)
จุดจบของมนุษยชาติ
ในฝั่งโลกมนุษย์นั้น คาเรลเรนได้ประกาศว่า
“มันถึงจุดจบยุคทองของมนุษย์แล้ว เด็กๆไม่ได้เป็นลูกของคุณอีกต่อไป พวกเขาจะจากโลกนี้ไปอยู่ดาวดวงอื่น และมนุษย์ผู้ใหญ่ทุกคนจะเป็นหมันและไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป ขอให้พวกเขาใช้ชีวิตต่อไปตามใจชอบ ตลอดอายุขัยที่เหลืออยู่”
หลังจากที่พูดจบ เด็กๆที่อยู่ในท้องของเหล่าแม่ๆก็หายวับไป พร้อมกับเด็กๆทั่วโลกต่างยกมือขึ้นมองท้องฟ้าและเรียกเจนนิเฟอร์ จู่ๆ เจนนิเฟอร์ก็ลอยขึ้นฟ้าไปคนแรก จากนั้นก็เด็กทั่วโลกทะยอยลอยขึ้นฟ้าตามเธอไป การจากไปของเหล่าเด็กๆทำให้พ่อแม่ต่างเสียใจกันทั่วโลก และยอมรับชะตากรรมที่ใกล้จะจบลงเร็วๆนี้ เจนนิเฟอร์ที่กำลังยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งพร้อมกับลำแสงสีขาวที่เธอกำลังดึงพลังงานจากโลกขึ้นไปสู่อวกาศ
เรื่องจริงบนดาวของโอเวอร์ลอร์ด
ขณะเดียวกันไมโลก็ได้ตื่นขึ้นบนยานอวกาศโอเวอร์ลอร์ด และได้พบกับพวกพ้องของโอเวอร์ลอร์ดคนหนึ่งที่ชื่อ วินดาเทน เขาพาไมโลไปสำรวจดูดาวของเขา ที่เขาเรียกว่า ‘จินเจดด้า’ และได้รับรู้ว่าเวลาบนโลกมันผ่านไป 40 ปีแล้ว เขาจึงอยากรู้ว่าโลกตอนนี้เป็นอย่างไร วินดาเทนจึงแปลกใจว่าเขามาถึงที่นี่ เพื่อถามหาโลก และไมโลจึงบอกว่าเขาเห็นนิมิตรที่โลกตกในอันตรายจึงมาที่นี่ วินดาเทนจึงบอกกับเขาว่า
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกได้รับการวางแผนมาอย่างยาวนาน มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องของจักรวาล โดยมีเดอะโอเวอร์มายด์ผู้สร้างทุกสิ่งในจักรวาลเป็นผู้กำหนดชะตากรรม โดยพวกเขาสื่อสารกับโอเวอร์มายด์มานานกว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ไปทุกที่ ทำตามทุกอย่างที่ท่านสั่ง ซึ่งคราวนี้ก็เป็นคราวของโลกแล้ว”
ไมโลได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็อยากรู้ว่าเดอะโอเวอร์มายด์หน้าตาเป็นอย่างไร วินดาเทนพาเขาไปดูลำแสงสีขาวขนาดใหญ่และบอกว่านี่คือโอเวอร์มายด์ เมื่อเข้าไปใกล้ จู่ๆ ไมโลก็หลุดเข้าไปในพื้นที่สีขาวและได้พบกับโอเวอร์มายด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าคือพระเจ้า โดยพระเจ้าได้พูดกับไมโลว่า
“มีเพียงเด็กเท่านั้นที่สามารถพัฒนาไปสู่จิตที่เป็นเอกภาพหนึ่งเดียวได้ โดยในขณะที่มนุษยชาติที่เหลือจะต้องพบกับจุดจบของมัน”
จากนั้นเมื่อไมโลตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็รู้ว่ามนุษยชาติถึงจุดจบแล้วและขอให้วินดาเทนพาเขากลับโลกมนุษย์เพื่อไปหาเรเชล
( ติดตามสปอยหนัง ภาพยนตร์ อนิเมะและวงการบันเทิงใต้เตียงดาราได้ที่ KUBET)
โลกที่ไร้ชีวิตชีวา
เมื่อมาถึงโลกก็พบว่าผ่านไปอีก 45 ปีแล้ว สิ่งที่ไมโลเห็นคือโลกที่ไร้ชีวิต คาเรลเรนได้บอกว่ากับไมโลว่านี่ไม่ใช่บ้านของเขาอีกต่อไป เพราะมันผ่านไป 85 ปีแล้ว หมายความว่าคนบนโลกตายหมดแล้ว
คาเรลเรนก็บอกอีกว่าเขาพาร่างไร้วิญญาณของเรเชลมาให้ไมโล ซึ่งทันทีที่เขาจับจี้ของเรเชล ร่างของเธอก็แตกสลายเป็นอนุภาคมากมาย และจี้เส้นนั้นได้สลักรอยไหม้ไว้บนมือเขา เป็นคำว่า ‘รัก’ ในภาษายิปโบราณ หลังจากนั่งทำใจได้ไม่นาน ไมโลก็ถามกับคาเรลเรนว่า อีกไม่นานโลกของคุณก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม คาเรลเรนจึงตอบว่า
พวกเขาวิวัฒนาการมาถึงทางตันแล้ว พวกเขาจึงเป็นได้เพียงข้ารับใช้ของพระเจ้าเท่านั้น และยังอิจฉามนุษย์ ถึงแม้จะเป็นสายพันธุ์ที่บกพร่อง แต่เหล่าเด็กๆก็สามารถไปในที่ๆเขาไปไม่ได้ เพื่อวิวัฒน์ไปสิ่งที่เหนือกว่า ซึ่งเขายังบอกอีกว่าไมโลอยู่กับพวกเขาได้ เพื่อจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่อยากรู้ทุกอย่าง
มนุษย์คนสุดท้ายบนโลก
ไมโลที่รู้ตัวว่าเขาเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลก จึงตัดสินใจขอร้องคาเรลเรนลงไปเหยียบโลกอีกครั้งเพื่อดูจุดจบของมันและตายในบ้านเกิดของเขาเอง ทั้งนี้เขาจะรายงานสถานการณ์ทุกอย่างบนโลกให้ฟังก่อนที่ทุกอย่างจะดับสูญ เพื่อประโยชน์ในทางวิทยาศาสตร์ และในฉากจบนี้เองก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เขาเล่ามาทั้งหมด
ก่อนที่โลกจะแตกเขาก็เกิดกลัวและขอร้องคาเรลเรนอีกว่า อยากให้เก็บวัฒนธรรมของมนุษย์โลกเอาไว้ อย่าทิ้งมันไปราวกับไม่มีตัวตน ซึ่งคาเรลเรนก็ตอบตกลงและเปิดเพลงพร้อมกับความทรงจำตลอดชีวิตของเขาเพื่อกล่อมเขาจากความกลัว ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาผ่อนคลายและโลกก็ระเบิดในที่สุด ซึ่งเจนนิเฟอร์ก็กลายเป็นอนุภาคของโลกไปด้วยเช่นกัน
คาเรลเรนเศร้าใจกับเหตุการณ์ทั้งหมด ถึงแม้เขาจะทำภารกิจจากพระเจ้าสำเร็จ เขาจึงทิ้งโดรนของไมโลเอาไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ เผื่อไว้สักวันจะมีคนมาพบเจอมัน
จบไปแล้วสำหรับหนังเรื่อง Childhood’s End สายสปอยที่ชื่นชอบการสปอยหนังสามารถติดตามรับชมเรื่องอื่นๆ ต่อได้ที่เว็บไซต์ KUBET City ให้คุณอัพเดทข่าวสารซีรีส์ ภาพยนตร์ อนิเมะ ข่าวบันเทิง ชีวิตดารา ข่าวดารา ซุบซิบดารา ให้คุณได้รู้จักและติดตามนักร้องและดาราที่คุณชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิดเสมือนอยู่ใต้เตียง