จากบริษัทลูกในเครือ Sony สู่สตูดิโอที่เต็มไปด้วยคำด่าและวิบากกรรมมากมาย จนมีพนักงานถึงขั้นคิดสั้นเป็นข่าวใหญ่โต ก่อนจะมีวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับสตูดิโออนิเมะแห่งนี้กันแน่? วันนี้ KUBET จะพาไปย้อนดูประวัติความเป็นมาที่แสนดราม่าของสตูดิโอ A-1 Pictures กัน
ประวัติสตูดิโอ A-1 Pictures
A-1 Pictures สตูดิโออนิเมชั่นในประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2005 โดยมิกิฮิโระ อิวาตะ ซึ่งเขาเคยเป็นถึงอดีตผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของซันไรส์ ซึ่ง A-1 เป็นบริษัทลูกของโซนี่มิวสิกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีผลงานผลิตภาพยนตร์อนิเมะชื่อดังหลายเรื่องมากมาย ที่หากเอ่ยชื่อเรื่องไปคุณจะต้องร้อง ‘อ่อ’ทันที
อย่างเช่น แฟรี่เทล ศึกจอมเวทอภินิหาร , เอ็กซอร์ซิสต์พันธุ์ปีศาจ , ศึกตำนาน 7 อัศวิน เป็นต้น ซึ่งผลงานของพวกเขาเหล่านี้ก็มียอดดูเยอะสุดๆ ไม่ใช่ไก่กาอาลาเร่แน่นอน แต่รู้หรือไม่ก่อนจะกลายมาเป็นสตูดิโอชื่อดัง พวกเขาผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมาย
จุดเริ่มต้นสตูดิโอ
ในช่วงแรกที่พวกเขายังเป็นแค่มือใหม่ของวงการแห่งนี้ และเป็นเพียงบริษัทลูกของเครือโซนี่ที่ทำหน้าที่คอยผลิตสื่อและซีรี่ย์สำหรับเด็กและครอบครัวให้กับทางอะนิเพล็กซ์เพียงเท่านั้น
ผลงานแรกของพวกเขาคือการ์ตูนเด็กอย่างเรื่อง Zenmai zamurai ที่ผลิตวันที่ 3 เม.ย. 2006 โดยเนื้อเรื่องเป็นแนวตลกเบาสมอง เหมาะสำหรับเด็กและครอบครัว
เป็นเรื่องราวของซามูไรหนุ่มที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งตัวเอกของเรื่องนั้นได้รับพลังวิเศษมาจากดังโกะเคน (ดาบไม้ไผ่ที่มีขนมดังโงะเสียบอยู่) ใครที่โดนท่าไม้ตายของเขาจะกลายเป็นคนที่มีความสุขและสำนึกในความผิดที่ตนทำลงไปนั่นเอง
ต่อมาในปี 2007 ทางสตูดิโอA-1 ก็ยังคงสร้างอนิเมชั่นสำหรับเด็กและครอบครัวอีกเรื่องอย่าง Robby & Kerobby ผลิตวันที่ 1 เม.ย. 2007
เรื่องราวของร็อบบี้หุ่นยนต์สีน้ำเงินที่แสนฉลาดและใจดีกับเคร็อบบี้หุ่นยนต์สีแดงสุดขี้เล่นติดตลก ทั้งสองร่วมมือกันกำจัดเหล่าวายร้ายและช่วยเหลือผู้คน
(ติดตามสปอยหนัง ภาพยนตร์ อนิเมะและวงการบันเทิงใต้เตียงดาราได้ที่ KUBET)
ก่อตั้งบริษัทตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน สตูดิโอ A-1 Pictures ก็ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตนเอง โดยสำนักงานใหญ่จะอยู่ในเมืองโตเกียว เขตอาซากายะ ถึงแม้เอวันจะอยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของอะนิเพล็กซ์อยู่ก็ตาม แต่ทว่าทางค่ายก็เริ่มเขียนออริจินัลทีวีซีรี่ย์ของตนเองขึ้นมา ผลงานชิ้นแรกก็คือ Big Windup (2007) อนิเมะแนวสปอร์ตดราม่า เนื้อหาเกี่ยวข้องกับกีฬาเบสบอล ซึ่งดัดแปลงมาจากมังงะ เรื่องราวของเด็กหนุ่มขี้กลัว แต่ดันเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการเป็นพิตเชอร์ (ผู้ขว้างบอล) สุดแข็งแกร่ง
จากนั้นค่ายนี้ก็เริ่มเขียนอนิเมะคุณภาพต่อเนื่องเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Persona: Trinity Soul (2008) , แฟรี่เทล ศึกจอมเวทอภินิหาร (2009) ซึ่งอนิเมชั่นพวกนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ และยังมีอนิเมะชื่อดังอีกมากมายที่ถูกผลิตขึ้นในปี 2008-2010 ถึงพวกเขาจะมีชื่อเสียงแต่กลับไม่ได้มีอนิเมเตอร์หรือพนักงานประจำที่ส่งงานตามกำหนดอย่างค่ายอื่นๆ
ทว่า A-1 แปลงานส่วนใหญ่ล้วนเป็นการรับพนักงานฟรีแลนซ์และOutsourceจากค่ายอื่นๆแทบทั้งหมด พวกเขาไม่มีอนิเมเตอร์และผู้กำกับเป็นของตัวเอง เปรียบเสมือนบริษัทที่ว่าจ้างชั่วคราวที่ใครอยากจะเข้ามาสมัครทำโปรเจ็กค์นี้ก็ทำได้เลย จึงทำให้ในตอนนั้นมีเพียงผู้จัดการฝ่ายผลิตที่คอยจัดหาคนมาทำงานให้พวกเขาเท่านั้น
ซึ่งก็ไม่ต่างจากค่ายนรกอื่นๆเลย ที่มักจะประสบปัญหาใช้แรงงานคนจนหนักเกินไป และแล้วเดดไลน์ที่ถูกบีบคั้นจากผู้บริหารระดับสูงก็ทำให้น้องใหม่อย่าง A-1 กดดันสุดขีดและปั่นงานกันดั่งโรงงานนรก และปัญหาไม่ได้มีเพียงการขาดพนักงานประจำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่อุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่นกำลังบูมและผลิตสื่อกันเป็นจำนวนมาก ทำให้อนิเมเตอร์และผู้กำกับขาดตลาด จนนำไปสู่เสียงก่นด่าของแฟนๆที่ว่าอนิเมะมีเยอะเกินไปจนคุณภาพด้อยกว่ามาตรฐาน
และแล้วเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นกับสตูดิโอแห่งนี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ สามารถติดตามอ่านประวัติของ A-1 Pictures [Part2] ผ่านทางเว็บไซต์ KUBET City พร้อมอัพเดทข่าวสารซีรีส์ ภาพยนตร์ อนิเมะ ข่าวบันเทิง ชีวิตดารา ข่าวดารา ซุบซิบดารา ให้คุณได้รู้จักและติดตามนักร้องและดาราที่คุณชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิดเสมือนอยู่ใต้เตียง