วันนี้KUBET จะพาทุกคนไปจบกับฮอลลิวูดในพาร์ทที่ห้ากันนะครับ ยาวนานจริงๆ นี่แค่บางส่วนที่หยิบยกมาให้นะครับกับเรื่องราวด้านมือของฮอลลิวูดที่ซ่อนใต้พรมและน้อยคนนักที่จะเปิดดู ในส่วนนี้เราจะพูดถึงส่วนไหนของด้านมืดฮอลลิวูด ตามมาเลยครับ
พาร์ทก่อนหน้านี้ เราได้หยิบยกเล่าถึงเรื่องราวด้านฮอลลิวูด ที่ดาราต่างประสบพบเจอมา ทั้งดำดิ่งและขมขื่นจิตใจต่อผู้ที่อ่านอย่างนับไม่ถ้วน แม่ว่าเรื่องราวได้ผ่านไปแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับชีวิตกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ในที่สุดระบบของสตูดิโอค่อยๆหายไปเรื่อยๆ เหตุผลที่หายไปก็มีหลายอย่าง
เหตุผลที่ทำให้ระบบสตูดิโอค่อยๆหายไป
เหตุผลแรก
เหตุผลหลักๆก็คือศาลมีคำสั่งว่า ระบบของสตูดิโอตั้งแต่ต้นคือการผลิตมาจนถึงส่วนท้ายของระบบคือการฉายหนังมันเป็นการผูกขาดมากเกินไป สันต์บอกว่านี่มันเป็นการขายหนังแบบเหมาเข่งต่อไปสตูดิโอต้องไม่มีโรงหนังเป็นของตัวเอง ท้ายที่สุดก็ทำให้สตูดิโอใหญ่ทั้ง5สตูดิโอที่มีโรงหนังเป็นของตัวเองจำเป็นจะต้องขายโรงหนังออกไป แล้วก็ทำให้การผลิตภาพยนตร์แบบเดิมจำเป็นจะต้องลดลง
หมายความว่าไม่เน้นปริมาณแล้ว แต่หันมาเน้นคุณภาพแทน เพราะว่าแต่เดิมผลิตภาพยนตร์ออกมาเยอะแค่ไหนโรงหนังก็จะต้องรับฉาย เพราะว่าเป็นโรงหนังของตัวเอง แต่ว่าในยุคนี้เป็นโรงหนังของโรงอื่น ดังนั้นถ้าหนังไม่มีคุณภาพทางโรงหนังก็มีสิทธิ์ที่ปฏิเสธไม่ฉาย ทางสตูดิโอก็ต้องผลิตผลงานที่มีคุณภาพมากขึ้น
เหตุผลที่สอง
คนดูเริ่มเบื่อหนังสไตล์ฮอลลิวูด เพราะว่าในช่วงนั้นมีการเซ็นเซอร์เยอะ บวกกับเทคโนโลยีที่พัฒนา เริ่มมีหนังจากฝั่งยุโรปเข้ามา คนมีตัวเลือกในการดูเยอะขึ้น เลยทำให้ความยิ่งใหญ่ของสตูดิโอลดลง
เหตุผลที่สาม
เหตุผลนี้ทำให้กร
ะทบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยตรงและค่อนข้างที่จะหนักเลยก็คือได้เกิดโทรทัศน์ขึ้นมา เนื่องจากคนที่ต้องการจะดูภาพเคลื่อนไหวก็ไม่จำเป็นต้องไปดูในโรงหนังแล้ว สามารถดูอะไรที่มันเล็กลงแล้วก็ดูที่บ้านได้ แถมสะดวกสบายอีกด้วย
สามเหตุผลนี้ทำให้อำนาจของสตูดิโอลดลง กำไรน้อยลง และสุดท้ายสิ่งที่ทำให้สตูดิโอทั้งหลาย จำเป็นจะต้องฟังเสียงนักแสดงมากขึ้นก็คือ มีนักแสดงที่โด่งดังและมีชื่อเสียงก่อนหน้านี้ลุกขึ้นมาพูดถึงสิทธิของตัวเอง KUBET แอดโอเคและเห็นด้วยมากๆ ที่วันหนึ่งนักแสดงจะไม่ยอมถูกกดขี่อีกต่อไป มาดูกันว่าจะมีใครและเขามีเหตุผลอะไรบ้างที่ไม่ยอมให้กับสูติโอ
ในปี1930
Bette Davis เบ็ตตี้ เดวิส เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาโดยที่เธอจะไม่ขอทนอีกต่อไป เธอได้ทำการเรียกร้องสิทธิของตัวเอง โดยการขอฟ้องสตูดิโอกลับ เบ็ตตี้ เดวิส ต้องการจะฉีกสัญญาเพราะว่าในสัญญาสตูดิโอได้ระบุไว้ว่า ไม่อนุญาตให้เบ็ตตี้ เดวิส ร่วมงานกับคนอื่นและสตูดิโออื่น ต้องร่วมงานกับสตูดิโอที่เซ็นสัญญาเพียงสตูดิโอเดียวเท่านั้น
เหตุผลนี้ทำให้เบ็ตตี้ พลาดโอกาสในการทำงานหลายอย่าง เลยลุกขึ้นมาที่จะฟ้องสตูดิโอ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะอ่อนไปนิดนึงเลยทำให้ศาลตัดสินให้สตูดิโอเป็นฝ่ายชนะ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทำให้นักแสดงคนอื่นมองว่าเราไม่จำเป็นต้องยอมสตูดิโอ เราสามารถฟ้องเขาได้
ในปี1950
เราก็จะเห็นเลยว่า มีนักแสดงหลายคนลุกขึ้นมาต่อสู้กับสตูดิโอจริงจัง ในประเด็นที่สตูดิโอไม่โอเคจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Olivia de Havilland, Jane Greer, Marilyn Monroe รวมถึงออกมาปฏิเสธบทที่สตูดิโอยื่นให้เล่น บางคนก็ลุกขึ้นมาฟ้องเพื่อฉีกสัญญาทาส
และเมื่อปี 1959
มีนักแสดงคนหนึ่งชื่อว่า Shirley Maclain เชอร์ลีย์ แม็กเคลน เขาได้ออกมาฟ้องโปรดิวเซอร์ของตัวเองในเรื่องของการเซ็นสัญญาทาส โดยที่เขาต้องการฉีกสัญญา เรื่องนี้ทำให้เขาชนะ และประกาศว่าระบบสตูดิโอได้จบลงแล้ว พวกสตูดิโอไม่มีสิทธิ์ควบคุมชีวิตของเขาได้อีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้ดาราหน้าใหม่ที่เข้ามาในวงการ รอบคอบมากขึ้น อ่านกฎอ่านสัญญาละเอียดมากขึ้น หากข้อไหนที่ไม่โอเคก็ไม่เซ็นสัญญานั้นๆ ทำให้ทุกคนระวังมากขึ้น ทำให้สัญญาทาสที่สตูดิโอสร้างขึ้นค่อยๆหายไป
หากเราจะพูดถึงฮอลลิวูดในยุคปัจจุบันเราจะเห็นว่าภาพลักษณ์ดาราหรือการบังคับชีวิตของดารา มันจางลงไปมากๆหรือแทบจะไม่มีให้เห็นแล้วนักแสดงสามารถต่อรองหรือเลือกในสิ่งที่ตัวนักแสดงสบายใจและยอมรับได้ ทุกอย่างของฮอลลิสูดในตอนนี้ถูกพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นกว่าในสมัยก่อน ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลานานหน่อยก็ตาม
KUBET เว็บไซต์ลับความบันเทิงระดับโลก ที่นี่คุณสามารถดูข่าวบันเทิงล่าสุด ชีวิตดารา ข่าวดารา ซุบซิบดารา ฯลฯ ให้คุณได้รู้จักและติดต่อนักร้องและดาราที่คุณชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงคุณสามารถอัปเดตหนังดัง ที่มาที่ไป เบื้องลึกเบื้องหลัง ของหนังหรือการ์ตูนที่คุณชื่นชอบได้ที่นี่เลย