10 อันดับเพลงที่เพราะที่สุดของเจ้าหญิง ดิสนีย์ อย่างที่หลายๆคนรู้กันว่าเพลงแต่ละเพลงของเจ้าหญิงต่างๆก็จะบอกความเป็นตัวตนของตัวเอง แต่เพลงไหนบ้างที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ตามมาดูกันได้เลยครับ
1.) A Whole New World – Aladdin (1992)

A Whole New World ภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง Aladdin (1992) ที่ขับร้องโดย อะลาดิน และ เจ้าหญิงจัสมิน ขณะโบยบินไปบนพรมวิเศษในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว บทเพลงนี้ถ่ายทอดความรู้สึกแห่งอิสรภาพ การผจญภัย และการค้นพบโลกใบใหม่ไปพร้อมกัน โดยเนื้อหาของเพลงสะท้อนถึงการก้าวข้ามขีดจำกัดและการเปิดรับประสบการณ์ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ดนตรีของ A Whole New World มีความลื่นไหลและโรแมนติก ผสานเสียงร้องที่สอดประสานกันอย่างลงตัวระหว่างอะลาดินกับจัสมิน
ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปยังสถานที่มหัศจรรย์จริง ๆ อีกทั้งเมโลดี้ของเพลงยังมีความไพเราะจับใจและเต็มไปด้วยพลังบวก ทำให้เกิดความรู้สึกของความหวังและความฝันที่เป็นไปได้ เพลงนี้ได้รับรางวัล ออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ รางวัลแกรมมี่สาขาการแสดงเพลงป๊อปคู่หรือกลุ่มยอดเยี่ยม ซึ่งตอกย้ำถึงความยอดเยี่ยมของบทเพลง นอกจากนี้ยังกลายเป็นหนึ่งในเพลงดิสนีย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล
ถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายเวอร์ชันและเป็นที่จดจำของแฟน ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน A Whole New World ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความฝัน การเดินทาง และความรักที่ไร้พรมแดน
2.) Part of Your World – The Little Mermaid (1989)

Part of Your World เป็นบทเพลงสุดไพเราะจาก The Little Mermaid (1989) ที่สะท้อนความฝันอันแรงกล้าของ แอเรียล นางเงือกสาวผู้หลงใหลในโลกมนุษย์ และเฝ้าฝันถึงวันที่เธอจะได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกเบื้องบน บทเพลงนี้เป็นฉากสำคัญของเรื่องที่เปิดเผยตัวตนของแอเรียลอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดความปรารถนาและความใฝ่ฝันของเธอที่อยากจะเป็นมนุษย์ และมีอิสระในการเดิน วิ่ง และใช้ชีวิตเหนือท้องทะเล ดนตรีของ Part of Your World มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์
เริ่มต้นด้วยท่วงทำนองที่นุ่มนวลและอบอุ่น สื่อถึงความฝันที่ยังคงอยู่ในใจของแอเรียล ก่อนที่อารมณ์ของเพลงจะค่อยๆ ทวีความเข้มข้นไปพร้อมกับเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของความหวังและความหลงใหล ดนตรีที่ไพเราะจับใจนี้ช่วยให้ผู้ฟังเข้าถึงความรู้สึกของแอเรียลได้อย่างลึกซึ้ง เสียงร้องของ โจดี้ เบ็นสัน ซึ่งให้เสียงพากย์และขับร้องเพลงนี้ในเวอร์ชันต้นฉบับ ถ่ายทอดอารมณ์ของแอเรียลออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่ความอ่อนโยนและความโหยหาไปจนถึงพลังแห่งความมุ่งมั่น ทำให้เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงดิสนีย์ที่แฟน ๆ จดจำและร้องตามได้มากที่สุด Part of Your World ไม่ใช่แค่เพลงที่ถ่ายทอดความฝันของแอเรียลเท่านั้น แต่ยังเป็นเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังกล้าที่จะไขว่คว้าสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพลงนี้จึงเป็นมากกว่าบทเพลงประกอบภาพยนตร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความหวังที่ไร้ขีดจำกัด
3.) Let It Go – Frozen (2013)

Let It Go คือหนึ่งในเพลง ดิสนีย์ ที่โด่งดังที่สุดแห่งยุคและกลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ของ Elsa เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรแอเรนเดลล์ จาก Frozen (2013) บทเพลงนี้สะท้อนถึงช่วงเวลาสำคัญของเอลซ่า เมื่อเธอตัดสินใจปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวและความคาดหวังของสังคม เพื่อโอบกอดพลังของตนเองและเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง เพลงเริ่มต้นด้วยท่วงทำนองที่แผ่วเบา อบอวลไปด้วยความเศร้าและความหวาดกลัว
ก่อนจะค่อยๆทวีความเข้มข้นและพุ่งทะยานไปสู่จุดไคลแมกซ์ที่เต็มไปด้วยพลังและอิสรภาพ เสียงร้องอันทรงพลังของ Idina Menzel ถ่ายทอดอารมณ์ของเอลซ่าออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดจากการต้องซ่อนตัวมานาน หรือความสุขที่ได้เป็นอิสระจากพันธนาการของตนเองเนื้อเพลงของ Let It Go ไม่ได้เป็นเพียงบทเพลงประกอบภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกอีกด้วย
4.) Reflection – Mulan (1998)

Reflection คือบทเพลงอันทรงพลังจากแอนิเมชันเรื่อง Mulan (1998) ที่บรรยายถึงความรู้สึกสับสนและเจ็บปวดของ มู่หลาน หญิงสาวผู้ต้องเผชิญกับความคาดหวังของครอบครัวและสังคม ในขณะที่หัวใจของเธอเรียกร้องให้ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง เพลงนี้เริ่มต้นด้วยท่วงทำนองที่อ่อนโยนและเศร้าสร้อย ก่อนจะค่อย ๆ ทวีความเข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมณ์อันลึกซึ้ง
เสียงร้องของ Lea Salonga นักร้องผู้ให้เสียงร้องของมู่หลาน ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในท่อนที่ร้องว่า “When will my reflection show who I am inside?” ซึ่งเป็นจุดที่แสดงถึงความเจ็บปวดของมู่หลาน ที่รู้สึกว่าตัวเองต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงเพื่อทำให้ครอบครัวภูมิใจ
5.) Colors of the Wind – Pocahontas (1995)

Colors of the Wind เป็นหนึ่งในเพลงดิสนีย์ที่ไพเราะและเปี่ยมไปด้วยความหมายมากที่สุดจากแอนิเมชัน Pocahontas (1995) บทเพลงนี้ถูกขับร้องโดย โพคาฮอนทัส เจ้าหญิงชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่พยายามถ่ายทอดมุมมองของเธอเกี่ยวกับโลกและธรรมชาติ ให้กับ จอห์น สมิธ ชายชาวยุโรปที่มีทัศนคติแตกต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง เพลงเริ่มต้นด้วยท่วงทำนองอันอ่อนโยนและสงบ ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความอลังการของเสียงเครื่องดนตรีและคอรัสที่ช่วยเสริมความยิ่งใหญ่ของบทเพลง
เสียงร้องของ Judy Kuhn ถ่ายทอดอารมณ์ของโพคาฮอนทัสออกมาได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในท่อน “You think you own whatever land you land on, the Earth is just a dead thing you can claim.” ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองอเมริกันและผู้รุกรานจากยุโรป
จบไปแล้วสำหรับ 5 อันดับเพลงที่เพราะที่สุดของเจ้าหญิง ดิสนีย์ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับยังเหลืออีก 5 เพลงของแต่ละเรื่องโดยจะเป็นอะไรบ้างนั้นตามต่อกันได้ที่ EP.2 ได้เลยครับ ถ้าฟังเพลงกันอารมณ์ดีแล้ววันนี้จะมาให้โชค ใครที่ชื่นชอบ แทงหวยออนไลน์ โอกาสทองมาถึงแล้วเพราะเว็บ คาสิโนออนไลน์ มีโปรโมชั่นต้อนรับหน้าร้อนสำหรับสมาชิกใหม่เพียงใส่รหัสแนะนำ DW338 ก็จะได้รับสิทธิพิเศษและโบนัสมูลค่ารวมกว่า 1,500 บาทไปเลยสมัครสมาชิกที่นี่