สวัสดีครับ ยังอยู่กับพวกเราKUBET และเรื่องของภาพยนตร์ดิสนีย์ที่ขาดทุน โดยวันนี้แอดได้มาต่อเนื้อหาของพาร์ทที่สอง มีหลายเรื่องเลยที่เราไม่คาดคิดว่าดิสนีย์จะขาดทุน และก็มีหลายเรื่องที่ดูแล้วก็ไม่คิดว่าทางค่ายดิสนีย์จะทำออกมา จะมีเรื่องไหนอีกบ้างตามไปดูกันเลยครับ
The 13th Warrior 1999
ภาพยนตร์เรื่องThe 13th Warrior ทางดิสนีย์ไม่ได้เผยชื่อว่าทางค่ายของตัวเองไปลงทุนโดยตรง ในยุคนั้นหากทางดิสนีย์ต้องการที่จะทำภาพยนตร์ที่ขัดกับแนวทางของทางค่ายตัวเอง พวกเขาจะใช้ค่ายTouchstone Pictures เพื่อบังหน้าแทน เรียกง่ายๆว่า นี่คือผลงานที่ทางดิสนีย์สร้าง และลงทุนโดยใช้ค่ายอื่นบังหน้า
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถือว่ามีแนวทางที่ขัดกับดิสนีย์ในตอนนั้น อย่างการเล่าเรื่องราวของกวีหนุ่มจากดินแดนอาหรับ ที่โชคชะตาได้นำพาให้เขาต้องเดินทางอพยพไปรับโทษทัณฑ์ในดินแดนของพวกไวกิ้งอันห่างไกล ก่อนที่เขาถูกคัดเลือกให้เข้าไปเป็น 13 ขุนพลมือดีที่สุดโดยภารกิจข้างหน้าก็อันตรายแบบเสี่ยงตายมาก เพราะ13ขุนพลจะต้องเดินทางไปปราบปีศาจสุดโหด ที่รอคอยให้พวกเขาเข้ามาปราบฝีมือด้วย
ภาพยนตร์ได้นักแสดงชื่อดังอย่างอันโตนิโอ แบนเดอรัส มารับบทนำจนหน้าภาพยนตร์ถือว่าดูดีเลยทีเดียว แต่ทว่า แนวทางของภาพยนตร์กับชื่อนักแสดง จะไม่สามารถทำให้ตัวภาพยนตร์สร้างกระแสได้ดีสักเท่าไหร่เนื่องจากในช่วงนั้นงานแบบนี้ก็ไม่เป็นที่นิยมเอาซะแล้ว ภาพยนตร์จึงทำเงินได้ทั่วโลกประมาณ 60 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างประมาณ 160 ล้านดอลลาร์ เรียกได้ว่าทางดิสนีย์ขาดทุนยับเยิน และพวกเขาก็แทบจะไม่กล้าเสี่ยงทดลองทำภาพยนตร์แนวนี้อีกเลยนับตั้งแต่ช่วงปลายยุคนั้น
Mars Needs Moms 2011
แต่เดิมภาพยนตร์Mars Needs Moms ได้โรเบิร์ต เซเมคคิสมากำกับและเขียนบทให้ แต่ปัญหาบางอย่างก็ทำให้โรเบิร์ตออกจากโปรเจกต์ไป และเป็นไซมอน เวล ที่มาประสานงานต่อแทนกับเรื่องราวของไมโล เด็กชายวัยเก้าขวบที่มักจะมีปัญหาอยู่กับแม่ตลอดจนกระทั่งในวันหนึ่งแม่ของเขาได้ถูกมนุษย์ต่างดาวพาตัวไปที่ดาวอังคารเพื่อหวังจะให้ฝั่งทางแม่ของเขาเข้าไปเลี้ยงมนุษย์ต่างดาววัยแบเบาะแทน ไมโลจึงต้องออกผจญภัยเพื่อตามหาแม่
แม้ว่าตัวเรื่องย่อจะมีความน่าสนใจมากแค่ไหน แต่ปัญหาหลายๆอย่างของภาพยนตร์ก็ค่อยๆผุดขึ้นมาจนได้ทั้งเอฟเฟกต์ต่างๆที่ภาพยนตร์ใช้จะล้าสมัยไปแล้ว แถมปัญหานี้ยังลามไปถึงสตูดิโอที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีการจับภาพเคลื่อนไหวอย่าง Image movers digital ที่เข้ามาทำงานให้กับเรื่องนี้ ก่อนจะขาดทุนจนต้องปิดตัวลงไป อีกทั้งภาพยนตร์เองก็ยังไม่ได้ถูกโปรโมทให้ดีเหมือนกับงานอื่นของดิสนีย์
การขาดทุนในครั้งนี้มันหนักมหาศาลมาก เพราะภาพยนตร์ทำเงินได้ทั่วโลกไปแค่ 39 ล้านดอลลาร์เท่านั้น จากทุนสร้างประมาณ 150 ล้านดอลลาร์
KUBET นับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ขาดทุนเป็นประวัติการณ์ สร้างอีกหนึ่งบาดแผลฉกรรจ์ให้กับค่ายดิสนีย์เลยก็ว่าได้ครับ
The Lone Ranger 2013
นี่อาจจะเป็นผลงานเรื่องแรกๆที่ทำให้คนเริ่มคิดว่า การแสดงของจอห์นนี่ เดปป์ อาจเสื่อมลงไปแล้ว กับการเอาเรื่องราวในตำนานอย่างThe Lone Ranger กลับมาทำใหม่อีกครั้ง หลังจากเรื่องนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรี่ย์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เรื่องราวของทอนโต ชนพื้นเมืองอเมริกันในยุคที่คนยังเรียกพวกเขาว่าอินเดียแดงซึ่งทอนโตจะเป็นอินเดียแดงแบบเพี้ยน เขาใช้ชีวิตเร่ร่อน ออกปล้นหากินไปวันๆ ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสมารู้จักกับรัฐอย่างจอห์น ที่เดินทางเข้ามาทำงานในดินแดนไกลปืนเที่ยงพอดี ทั้งสองจึงได้มาร่วมกันทำภารกิจอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าในเมืองเล็กๆแห่งนี้ อาจจะมีอาชญากรและกลุ่มคนรวยที่ต้องการสร้างความวุ่นวายบางอย่างอยู่ ทั้งสองจึงต้องร่วมมือกันและออกทำงานในฐานะผู้ผดุงความยุติธรรมทันที
นี่เป็นภาพยนตร์ที่ทางดิสนีย์ได้วางแผนที่จะเกร็งกำไร จากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้สูงมากๆ ทั้งการวางดาราแม่เหล็กอย่างจอห์นนี่ เดปป์ คู่กับ อาร์มี แฮมเมอร์ อีกทั้งทางค่ายยังใช้ทุนสร้างที่สูงถึง 215 ล้านดอลลาร์ ทั้งๆที่เซ็ตอัพของภาพยนตร์มันเป็นแค่โลกยุคคาวบอยล้าหลังไปแล้ว รายได้ของภาพยนตร์เมื่อออกฉาย ทำให้ทางค่ายจุกทันที เพราะมันทำเงินได้ทั่วโลกประมาณ 260 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนยับเยินชนิดที่ว่าสร้างบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับดิสนีย์ และพาจอห์นนี่ เดปป์ เข้าสู่ขาลงของการแสดงไปช่วงหนึ่งเลย
พออ่านแล้วก็รู้สึกเห็นใจทางดิสนีย์เหมือนกันนะครับ จำนวนเงินที่ขาดทุนไปมันก็ไม่ใช่น้อยๆเลยสำหรับความตั้งแต่ที่พวกเขาทำผลงานออกมาให้พวกเราได้ชมกัน จะมีเรื่องไหนอีกบ้างเราไปต่อกันได้ในพาร์ทที่สี่เลยครับ
KUBET เว็บไซต์ลับความบันเทิงระดับโลก ที่นี่คุณสามารถดูข่าวบันเทิงล่าสุด ชีวิตดารา ข่าวดารา ซุบซิบดารา ฯลฯ ให้คุณได้รู้จักและติดต่อนักร้องและดาราที่คุณชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงคุณสามารถอัปเดตหนังดัง ที่มาที่ไป เบื้องลึกเบื้องหลัง ของหนังหรือการ์ตูนที่คุณชื่นชอบได้ที่นี่เลย