ภาพยนตร์ “Sonic the Hedgehog” ดัดแปลงจากเกมยอดฮิตของ SEGA เคยเผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งใหญ่ที่แทบทำให้โครงการนี้ล้มเหลว แต่ด้วยการตัดสินใจที่กล้าหาญของทีมผู้สร้าง ทำให้เรื่องนี้ไม่เพียงผ่านพ้นอุปสรรค แต่ยังกลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์จากเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์
ด้วยรายได้และเสียงวิจารณ์จากทั้งสื่อและผู้ชมไปในทางที่ดีมากๆ และ Sonic the Hedgehog 3 ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก ด้วยจากเกมที่ทำคะแนนรีวิวดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จนมีการประกาศสร้างภาคที่ 4 ต่อ ทั้งที่ภาคที่ 3 ยังไม่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำ
“Sonic น่าเกลียด” จุดเริ่มต้นของวิกฤติ
ในเดือนเมษายน 2019 วิดีโอตัวอย่างแรกของ Sonic the Hedgehog ถูกปล่อยออกมา แต่กลับสร้างกระแสวิจารณ์อย่างรุนแรงบนโลกออนไลน์
ดีไซน์ตัวละคร Sonic ถูกมองว่าน่าเกลียดและผิดเพี้ยนจากต้นฉบับในเกมอย่างสิ้นเชิง ทั้งสัดส่วนที่ดูแปลก
ความพยายามทำให้ตัวละครดูเหมือนมนุษย์มากเกินไป และการแสดงอารมณ์ที่ไม่สมจริง ทำให้แฟน ๆ ต่างแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก
กระแสตีกลับครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นมีการสร้างมีมล้อเลียน Sonic ไปทั่วโลกออนไลน์ วิดีโอตัวอย่างได้รับยอดไม่ชอบ (Dislikes) ทะลุ 2 แสนครั้ง
และบางคนถึงกับประกาศว่าจะไม่สนับสนุนเรื่องนี้หากไม่มีการปรับปรุง
แม้จะมี Jim Carrey นักแสดงชื่อดังมารับบท Dr. Robotnik ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ากระแสลบนี้จะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงของเรื่องนี้
สนุกไปกับทุกความบันเทิงไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ อนิเมะ หรือห้องเดิมพันหลากหลาย ที่ไม่เหมือนใครกับหน่วยงานสากลที่เชื่อถือได้อย่าง PAGCOR
การตัดสินใจ “ยอมถอย” เพื่อก้าวไปข้างหน้า
ความล้มเหลวของดีไซน์ตัวละคร Sonic ทำให้ Paramount Pictures และ SEGA ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ พวกเขาประกาศเลื่อนวันฉายในโรงภาพยนตร์ และลงทุนแก้ไขดีไซน์ตัวละครใหม่ทั้งหมด โดยมอบหมายให้ Tyson Hesse นักออกแบบที่เคยทำงานกับแฟรนไชส์ Sonic เข้ามารับหน้าที่ปรับปรุงดีไซน์ Sonic ให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับในเกมมากที่สุด
การแก้ไขนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมหาศาล เฉพาะการปรับปรุงวิดีโอตัวอย่าง 2 นาทีแรกก็ใช้งบประมาณถึง 2.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และงบสำหรับหนังทั้งเรื่องเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 35 ล้านดอลลาร์ แต่ผลลัพธ์กลับคุ้มค่า เมื่อวิดีโอตัวอย่างใหม่ที่ปล่อยออกมาในช่วงปลายปี 2019 ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ทุกคนยกนิ้วให้ว่า “นี่ล่ะ Sonic ที่เรารู้จัก”
ความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เมื่อหนังที่ดัดแปลงมาจากเกิมเรื่อง Sonic the Hedgehog เข้าฉายในปี 2020 กระแสตอบรับกลับดีเกินคาด ตัวหนังทำรายได้เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 57 ล้านดอลลาร์ และปิดตัวในสหรัฐฯ ด้วยรายได้ 146 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งสิ้น 319 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก กลายเป็นหนึ่งในหนังจากเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคนั้น
ความสำเร็จของภาคแรกทำให้ Paramount Pictures เดินหน้าสร้างภาคต่อ Sonic the Hedgehog 2 ซึ่งเข้าฉายในปี 2022 ภาคนี้ยังคงได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยมและทำรายได้ทั่วโลก 404 ล้านดอลลาร์ สองภาครวมกันทำเงินไปมากถึง 723 ล้านดอลลาร์ ทำลาย “คำสาปของหนังจากเกม” และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการหนังดัดแปลงจากเกม
“Sonic น่าเกลียด” กับบทเรียนครั้งใหญ่
Jeff Fowler ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ ยอมรับในภายหลังว่า ความล้มเหลวจากดีไซน์ Sonic ครั้งแรกคือบทเรียนสำคัญ “Sonic น่าเกลียด” กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้หนังชุดนี้ประสบความสำเร็จ เพราะทีมงานเลือกที่จะฟังเสียงของแฟน ๆ และปรับตัวให้ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น
“มันจำเป็นต้องมีการเสียสละ แต่ต้องขอบคุณ ‘Sonic น่าเกลียด‘ ที่ทำให้เกิดความทรงจำดี ๆ และเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจนดีขึ้น” Fowler กล่าว พร้อมทั้งชื่นชมทีมงานที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการแก้ไข
Sonic the Hedgehog 3 และอนาคตของแฟรนไชส์
ล่าสุด Sonic the Hedgehog 3 เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2023 โดยทำรายได้เปิดตัวในสหรัฐฯ ถึง 62 ล้านดอลลาร์ และได้รับคะแนนรีวิวสูงถึง 86% บน Rotten Tomatoes
ซึ่งมากกว่าภาคก่อน ๆ อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่ารายได้โดยรวมจะยังไม่นิ่ง แต่กระแสตอบรับที่ดีทำให้ Paramount Pictures มั่นใจที่จะเดินหน้าสร้างภาค 4 ซึ่งมีกำหนดฉายในปี 2027
บทสรุปของวิบากกรรมที่พลิกโฉม
กรณีของหนังเรื่อง Sonic the Hedgehog เป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการฟังเสียงแฟน ๆ และความกล้าที่จะยอมรับข้อผิดพลาดเพื่อเปลี่ยนแปลง
แม้ว่า “Sonic น่าเกลียด” จะเคยเป็นจุดด่างพร้อย แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้แฟรนไชส์นี้ประสบความสำเร็จในระดับโลก
เว็บไซต์ลับความบันเทิงระดับโลก ที่นี่คุณสามารถดูข่าวบันเทิง ภาพยนตร์ ชีวิตดารา ข่าวดารา ซุบซิบดารา ฯลฯ ให้คุณได้รู้จักและติดต่อนักร้องและดาราที่คุณชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิด